ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ก็สามารถที่จะเกิดอาการภูมิแพ้เกิดขึ้นได้
แต่หากอาการภูมิแพ้ เกิดขึ้นกับลูกน้อยของเรา ย่อมเป็นอันตราย และคุณแม่ควรมีความรู้เกี่ยวกับภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นได้ในเด็ก
วันนี้เราจึงมาให้ความรู้เกี่ยวกับ 6 ภูมิแพ้ที่มีโอกาสเกิดได้ในเด็กเล็ก เพื่อที่คุณแม่จะได้รับมือจัดการภูมิแพ้ในเด็กได้อย่างถูกวิธี
1. เกิดผื่นลมพิษ
ผื่นนี้มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสบ้าง หรือไม่ทราบเหตุที่มา แต่อาจสันนิษฐานว่า อาหาร และยาบางประเภทเป็นสาเหตุของผื่นลมพิษ โดยลักษณะของผื่นจะแดงนูนหนา พร้อมกับมีอาการคันร่วมด้วย
วิธีปฏิบัติเบื้องต้น
หยุดยาและอาหารที่คาดว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นลมพิษทันที หากเป็นลมพิษเพียงเล็กน้อย อาการบวมแดงไม่มากให้ลองเช็ดทำความสะอาดผิวด้วยน้ำสะอาด และทายาแก้แพ้แก้คัน แต่หากมีอาการบวมของบริเวณเยื่อบุในร่างกาย ตาบวม ปากบวม ปวดท้องรุนแรง แน่นอก หายใจไม่ออก ควรพบแพทย์ทันที
2.โรคเยื่อบุจมูกอักเสบ
ภูมิแพ้นี้มักจะเกิดในช่วงฤดูฝนหรือบางรายอาจจะเกิดได้ตลอดทั้งปี โดยเด็กเล็กจะมีอาการ คัน จาม คัดจมูก มีน้ำมูกใสไหลตลอดเวลา มักพบว่าจะเป็นเรื้อรัง หลายสัปดาห์เลยทีเดียว
วิธีปฏิบัติเบี้องต้น
การใช้น้ำเกลือล้างจมูก ซึ่งสามารถช่วยล้างน้ำมูก ล้างสารก่อภูมิแพ้ในเด็กที่เข้าไปในจมูก รวมทั้งสามารถช่วยลดอาการแน่นคัดจมูกได้อีกด้วย อีกทั้งควรหมั่นทำความสะอาดห้องนอน ของเล่นบ่อยๆ หลีกเลี่ยงของเล่นที่มีขน ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของฝุ่น
3.โรคหืดหอบ
โรคนี้มีผลให้ทางเดินหายใจบวม และตีบแคบลง โดยเกิดจากการสัมผัสกับสารก่อกระตุ้น ทำให้มีอาการหายใจเสียงดังอันเป็นจุดเด่นของโรค หอบ และแน่นหน้าอก มักเกิดในช่วงเป็นหวัด ขณะที่กำลังออกกำลังกายหรือช่วงกลางดึกที่อากาศเริ่มเย็น เป็นต้น
วิธีปฏิบัติเบื้องต้น
หากมีอาการหอบ ให้หยุดพักทันที พยายามหายใจเข้าอย่างปกติ และหายใจออกทางปาก โดยค่อยๆเปล่าออกจากปอดทีละน้อยให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้และขณะหายใจออก อาจห่อปากขณะเป่าลมหายใจออกด้วยก็ได้ อีกทั้งควรดื่มน้ำอุ่นๆมากๆ และพ่นยาหรือกินยาแก้หอบตามแพทย์สั่ง หากอาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์ทันที
4.อาการเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้
อาการดังกล่าวมักเกิดร่วมกับเยื่อบุจมูกอักเสบภูมิแพ้ โดยจะมีอาการแสบ คันตา น้ำตาไหล ตาบวมแดง
วิธีปฏิบัติเบื้องต้น
หลีกเลี่ยงสารที่แพ้ เช่น แพ้ละอองเกสรพืช แพ้อากาศ แพ้ไรฝุ่น หากมีอาการแพ้แบบฉับพลัน ควรใช้น้ำสะอาดหรือน้ำเกลือ ล้างตาเพื่อเอาสารที่แพ้ออกทันที หรือหยอดยาแก้แพ้ เพื่อลดอาการบวมแดงคัน หากมีอาการมากจะต้องปรึกษาจักษุแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การรักษาอย่างถูกวิธี ไม่ควรซื้อยาหยอดตาเอง เพราะยาบางชนิดมีผลข้างเคียงรุนแรงได้
5.อาการแพ้อาหาร
มักพบว่า เป็นการแสดงออกถึงอาการแพ้ต่อต่อโปรตีนในอาหาร อย่างเช่น ถั่ว กลูเตน นมวัว ไข่นมถั่วเหลือง แป้งสาลี อาหารทะเล เป็นต้น ซึ่งอาการแพ้อาหารนั้นสามารถที่จะแสดงอาการแพ้ออกมาได้หลายแบบ อาทิเช่น เกิดผื่นคันบวมแดงตมผิวหนังทั้งตัว และตามใบหน้า หรือเกิดการบวมที่หลอดลม คัดจมูก หรือแม้กระทั่งก่อให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย อาเจียนก็มีได้
วิธีปฏิบัติเบื้องต้น
หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ และกินยาแก้แพ้เพื่อบรรเทาอาการ หากมีอาการรุนแรง พบแพทย์ทันที
6.โรคผื่นภูมิแพ้ที่ผิวหนัง
กรณีนี้จะมีผื่นเกิดขึ้นร่วมกับอาการคัน บวมแดงของผิวหนัง โดยจะเป็นเรื้อรัง และพบได้บ่อยในเด็กเล็ก และมักจะมีอาการหนักขึ้นเมื่อสัมผัสกับสิ่งเร้า จำพวกความร้อนชื้น และอากาศเปลี่ยนแปลง เป็นต้น
วิธีปฏิบัติเบื้องต้น
หลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดผื่นภูมิแพ้ที่ผิวหนัง เช่น อาหาร เหงื่อ สารเคมี ความอับชื้น ที่อาจระคายเคือง เป็นต้น หลีกเลี่ยงการอาบน้ำบ่อยเกินไป หรืออาบน้ำอุ่นจนเกินไป จะทำให้ผิวแห้งมากขึ้น ทาครีม หรือโลชั่นบำรุงผิวทันทีหลังอาบน้ำตอนผิวยังเปียก เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้น กินยาแก้ภูมิแพ้ตามที่แพทย์สั่ง หากมีอาการรุนแรง ควรพบแพทย์ทันที
โรคผื่นผิวหนังอักเสบอาจส่งผลเสียหลายด้านกว่าที่คุณพ่อคุณแม่คิดไว้ ดังนั้น ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ เพียงให้ ครีมแป้งข้าว #Carelybe ปลอดภัยด้วยข้าวธรรมชาติและส่วนผสมออร์แกนิค 100% ดูดซับความชื้นได้อย่างรวดเร็วพร้อมลดการระคายเคืองและช่วยป้องกันการเกิดผดผื่นบนผิวบอบบาง ดูแลผิวเจ้าตัวเล็กนะคะ